Honda เปิดตัวชุดแต่งรุ่นใหม่ล่าสุดของถแบบ 2016 Civic Sedan

หลังจากเปิดตัวรถแบบ 2016 Civic sedan รุ่นใหม่ออกมาได้ไม่นานนั้นล่าสุดก็ได้มีชุดแต่งออกมาแล้วสำหรับเจ้ารถรุ่นใหม่นี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงให้แตกต่างจากรถแบบเดิมๆ (Standard Model) โดยทางทีมงานแต่งรถของพวกเขาเอง

โดยทางทีมงานของ Honda เองได้เลือกงานใหญ่อย่าง SEMA Auto Show ในปีนี้สำหรับเปิดตัวชุดแต่งรุ่นใหม่นี้ออกมา ซึ่งทั้งหมดนั้นจะดูแลโดยทางทีมงานของ “Honda Genuine Accessories” นั่นเอง

สำหรับชุดแต่งรุ่นใหม่นั้นมีส่วนประกอบที่สำคัญๆ ได้แก่ สเกิร์ตทางด้านข้างของตัวรถ, กันชนทางด้านหน้าแบบกว้างมากขึ้นกว่าเดิม, ปีกขนาดใหญ่ที่เป็นเอกลักษณ์ทางด้านหลังและปิดท้ายด้วยล้อแม็กซ์ขนาด 17 นิ้ว

ในการเปิดตัวนั้นชุดแต่งอย่างเป็นทางการของ 2016 Honda Civic นั้นทางทีมงานของพวกเขายืนยันว่าจะเปิดตัวพร้อมกันในภูมิภาคอเมริกาเหนือภายในโชว์รูมพร้อมกันทั่วประเทศ พร้อมออฟชั่นอื่นๆที่มาพร้อมกันมากมายสำหรับภายใน

เปิดตัวรถซีดานแบบ “2016 Honda Civic” อย่างจุในในงานที่ LA Auto Show

รถซีดานสุดโหดแบบ 2016 Civic Coupe นั้นได้เปิดตัวออกมาแล้วในงานใหญ่อย่าง LA Auto Show สำหรับปีนี้ในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเรื่องน่าเซอร์ไพรซ์ทีเดียวหลังจากทาง Honda เองนั้นเพิ่งจะเปิดตัวรายละเอียดออกไปได้ไม่นานนี้

สำหรับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของรถแบบ Civic Coupe (รถเก๋ง) นั้นมีขึ้นหลังจากที่พวกเขาเปิดเผยรายละเอียดออกไปได้ไม่นานเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว หลังจากที่พวกเขานั้นเปิดตัวรถแบบ “Civic Coupe Concept” ในงานที่ New York เมื่อต้นปี

ในงานที่ New York นั้นสไตล์การแต่งรถของพวกเขานั้นมีความสปอร์ตมากกว่าปกติในรุ่นก่อนๆเป็นอย่างมาก แต่หลังจากได้รับคำติชมมากมายจากหลายๆฝ่ายนั้นก็ทำให้พวกเขาปรับปรุงสไตล์ของมันให้ดีขึ้นกว่าเดิม พร้อมทั้งแต่งให้มันมีความดุดันมากยิ่งขึ้น (เพิ่มปีกแบบสปอร์ตและท่อไอเสียสุดแข็งแรง)

รถแบบ 2016 Civic Coupe รุ่นใหม่นั้นยังเป็นรุ่นแรกของ Honda ที่จะมีการนำเทคโนโลยีแบบเทอร์โบชาร์จมาใช้ด้วยเครื่องยนต์ขนาดความจุ 2.0 ลิตรแบบ DOHC i-VTEC ให้กำลังทั้งสิ้น 158 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 138 lb-ft (187 Nm)

สำหรับอัตราการประหยัดน้ำมันนั้นอยู่ที่ 31/41/35 mpg (ในเมือง/บนทางด่วน highway/และผสมหรือ combined), หรือคิดเป็นอัตรา 7.5 /5.7/ 6.7 ลิตร /100 กม. นั่นเองตามอัตราประหยัดของสหรัฐอเมริกา

ในส่วนของการออกแบบดีไซน์นั้นทาง Honda ได้อัพเกรดความสวยงามให้กับรถอย่าง Civic Coupe ด้วยการทำให้มันเป็นแนวแบบสปอร์ตและหรูหรามากขึ้น ทั้งในส่วนของกระจังทางด้านหน้ารถ, รายละเอียดต่างๆที่เป็นสปอร์ตมากกว่าเดิมและภายในตัวถัง

ห้องโดยสารนั้นมีความจุมากถึง 8.4 คิวบิคฟุต (237 ลิตร) โดยรวมมีพื้นที่ของห้องโดยสารกว้างกว่าเดิม 5 นิ้ว (12.7 cm.) พร้อมหน้าจอทัชสกรีนคุณภาพสูงแบบ TFT บริเวณคอนโซลกลางและระบบเครื่องเสียงการเชื่อมต่อภายในที่ครบครัน

นอกจากนี้มันยังมีระบบการเชื่อมต่อผ่านไอโฟนแบบ “Android OS-based 7” ต่อได้ทั้งกับระบบ iOS, Pandora, SiriusXM และวิทยุแบบ HD ใหม่ล่าสุด พร้อมการเชื่อมต่อระบบนำทางแบบ Garmin ผ่านดาวเทียม

โดยทางทีมงานของ Honda นั้นจะมุ่งเม้นประโยชน์ของรถแบบ “2016 Civic Coupe” ให้เพิ่มมากขึ้นอีกให้มันเป็นรถ Generation ต่อไปที่สมบูรณ์และได้ความปลอดภัยมาตามมาตรฐานของความปลอดภัยประจำสหรัฐอเมริกา (NHTSA)

เปิดตัวแนวคิด “Honda Civic Type R” รุ่นใหม่สุดสปอร์ต

รถแบบ Honda Civic Type R นั้นล่าสุดไม่เพียงแต่เป็นรถแบบ Honda Civic แบบ 5 ประตูเท่านั้น โดยล่าสุดมันได้พัฒนาชุดแต่งรุ่นพิเศษของมันออกมาเป็นแบบใหม่อย่าง “Type R” ออกมาแล้วโดยใช้เครื่องยนต์แบบ turbocharged engine (เทอร์โบชาร์จ) รุ่นใหม่ล่าสุดอีกด้วย

เครื่องยนต์แบบใหม่ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาในไลน์ Type R นั้นจะมีขนาดความจุประมาณ 2.0 ลิตรแบบเทอร์โบ 4 สูบให้กำลังทั้งสิ้น 306 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 400 nm. เลยทีเดียว (โฉมปัจจุบันที่เราเห็นในประเทศไทยนั้นแค่ประมาณ 100 กว่าแรงม้าเท่านั้นครับ) ซึ่งจะช่วยให้มันทำกำลังได้ดีขึ้นอย่างแน่นอน

Civic Type R รุ่นใหม่นั้นจะออกอย่างสวยงามฉีกไลน์ภาพลักษณ์แบบเดิมๆในไลน์ของ Civic ธรรมดาและ Type R รุ่นเก่าไปอย่างสวยงามโดยมันเป็นฝีมือการออกแบบของทางค่ายอย่าง RevoZport จากทางประเทศสหราชอาณาจักร (UK) ที่ใช้ดีไซเนอร์ทางด้านยานยนต์หลายคนในการช่วยกันออกแบบขึ้นมา

การออกแบบดีไซน์ทางด้านภายนอกนั้นทีมงานของ RevoZport จะเปิดตัวให้ชมกันใน 2 รูปแบบที่แตกต่างกันทั้งมีปีกทางด้านหลังและไม่มีปีกทางด้านหลัง (เหมือนกับรถแบบ Honda Civic Type R รุ่นก่อน) โดยมีการออกแบบส่วนใหม่ๆ ได้แก่ กันชนทางด้านหน้าของตัวรถ, ล้อแม็กซ์สุดสวยงามของทางจูนเนอร์และท่อไอเสียแบบสปอร์ต

ซึ่งทั้งหมดนั้นทางทีมงานของ RevoZport ได้ใส่รายละเอียดไว้ให้เราได้ชมกันแบบละเอียดในการออกแบบ “2015 Civic Type R” ทั้งสองโฉม

Honda เปิดตัวโฉมแต่ง “Civic Si” สุดแรงภายใต้เครื่องยนต์ของ Type R

แรกเริ่มเดิมทีนั้นรถของทาง Honda แบรนด์รถชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่นอย่างเจ้ารถแบบ “Honda Civic Si” นั้นทำออกมาเพื่อตีตลาดในประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้นในปีที่ผ่านๆมา แต่ล่าสุดพวกเขาก็เปิดตัวแนวคิดโฉมใหม่ออกมาแล้วที่เปลี่ยนไปจากเดิม

สำหรับการปรับแต่งครั้งนี้เป็นการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงโดยทางทีมงานของสมาชิกในกลุ่มคนรัก Honda อย่าง “CivicX” ซึ่งพวกเขาวางแผนจะส่งมันเข้าไปในตลาดภายในช่วงระยะเวลาภายในปี 2017 ซึ่งคาดการณ์ว่ามันจะใช้เครื่องยนต์ขนาดความจุ 2.0 ลิตรแบบเทอร์โบชาร์จเหมือนกับรุ่นแบบ Type R

เช่นเดียวกับรถแบบ Civic Type R, ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานนี้รถแบบ “Civic Si” รุ่นใหม่จะมาพร้อมกับเกียร์กระปุกแบบ 6 สปีดที่ส่งกำลังทางด้านล้อหน้า (FWD) ส่วนอุปกรณ์และอะไหล่อื่นๆนั้นจะแชร์ร่วมกับรถแบบ Type R แทบทั้งหมด

รถโฉมแบบ “Civic Si” นั้นจะเปิดตัวก่อน Type R รุ่นใหม่เสียอีกตามหลังรถแบบ Civic coupe (โฉมรถเก๋ง) และ Hatchback (5 ประตู) ที่เพิ่งเปิดตัวขายอย่างเป็นทางการในตลาดยุโรปภายใต้กำลังการขับเคลื่อนมากสุดอยู่ที่ 306 แรงม้าเลยทีเดียว

ใหม่ All New Honda Civic 2016-2017 ราคา ฮอนด้า ซีวิค ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

นำทุกความท้าทายไม่สิ้นสุด The Unlimited Sporty Sprit
ก้าวข้ามทุกความท้าทายด้วยจิตวิญญาณแห่งความเร้าใจ ผสานมิติใหม่แห่งความสปอร์ต ล้ำไปอีกขั้น กับความสมบูรณ์แบบของเทคโนโลยี พร้อมการขับเคลื่อนด้วยมาตรฐานความปลอดภัยเหนือระดับ ตอบรับทุกการควบคุมได้ดั่งใจ เปลี่ยนให้ทุกความท้าทาย กลายเป็นความเร้าใจไม่สิ้นสุด… ฮอนด้า ซีวิค ใหม่

All new Honda Civic 2016 ราคา
ราคา Honda Civic ฮอนด้า ซีวิค 1.8 S M/T  780,000 บาท
ราคา Honda Civic ฮอนด้า ซีวิค 1.8 S A/T  835,000 บาท
ราคา Honda Civic ฮอนด้า ซีวิค 1.8 E A/T  895,000 บาท
ราคา Honda Civic ฮอนด้า ซีวิค 1.8 ES A/T  950,000 บาท
ราคา Honda Civic ฮอนด้า ซีวิค 1.8 E A/T NAVI  990,000 บาท
ราคา Honda Civic ฮอนด้า ซีวิค 2.0 ES  A/T NAVI  1,145,000 บาท

*ของแถม ฮอนด้า ซีวิค จัดเต็ม ติดต่อ  เซลล์   089-7899077 K.เบลล์ *ดาวคะนอง ฝั่งธน

Honda Civic ฮอนด้า ซีวิค ตารางผ่อน-ดาวน์

อุปกรณ์มาตรฐาน HONDA CIVIC 2016

ความยาว x ความกว้าง x ความสูง : 4,525 x 1,755 x 1,434

Honda Civic 2016 รุ่น 1.8 i-VTEC S MT 780,000.
– ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์
– ระบบปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
– กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัว
– กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า
– มือจับประตูด้านนอก สีเดียวกับตัวรถ
– ล้ออัลลอย 15 x 6J
– ขนาดยาง 195/65 R15

อุปกรณ์ภายใน
– สีภายใน สีเบจ/สีดำ (ขึ้นอยู่กับสีภายนอก)
– วัสดุหุ้มเบาะ ผ้า
– หน้าจอแสดงข้อมูลอัจฉริยะ (i-MID)
– ปุ่ม ECON
– มาตรวัดแบบ Multiplex Meter พร้อมระบบเรืองแสง
– พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น สวิตซ์ควบคุมระบบ i-MID และเครื่องเสียง
– พวงมาลัยปรับระดับได้Œ 4 ทิศทาง
– ระบบเซ็นทรัลล็อค พร้Œอมสวิตซ์ควบคุมตำแหน่‹งคนขับ
– กุญแจรีโมทมัลติฟังก์ชั่น แบบพับเก็บได้
– พนักเท้าแขนด้านหน้าปรับเลื่อนระยะได้ พร้อมกล่องเก็บของ
– พนักเท้าแขนด้านหลังพร้อมที่วางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่ง
– ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้า
– แผงบังแดดคู่หน้า พร้อมกระจกส่องหน้าแบบมีฝาปิด
– ช่องจ่ายไฟสำรอง
– ที่วางแก้วน้ำด้านหน้า 2 ตำแหน่ง

ระบบเครื่องเสียง
– ช่องเชื่อมต่อ USB
– ช่อง AUX สำหรับอุปกรณ์ต่อพ่วง
– ลำโพง 4 ตัว

ระบบความปลอดภัย
– ถุงลมคู่หน้า Dual SRS
– ระบบป้องกันล้อล็อค ABS
– ระบบกระจากแรงเบรก EBD
– เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติ
– เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าแบบ 3 จุด 2 ตำแหน่ง ปรับระดับสูง-ต่ำ ได้
– เข็มขัดนิรภัยด้านหลังแบบ 3 จุด 2 ตำแหน่ง และ 2 จุด 1 ตำแหน่ง

Honda Civic 2016 รุ่น 1.8 i-VTEC S AT 835,000.
– เกียร์อัตโนมัติ

Honda Civic 2016 รุ่น 1.8 i-VTEC E AT 895,000.
– ล้ออัลลอย 16 x 6.5J
– ขนาดยาง 208/55 R16
– ไฟตัดหมอกคู่หน้า
– มือจับประตูด้านนอกโครเมียม
– วัสดุหุ้มเบาะ เบาะหนังแท้ และวัสดุหนังสังเคราะห์
– ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ
– ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ
– พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น สวิตซ์ควบคุมระบบ i-MID และเครื่องเสียง พร้อมปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์
– พวงมาลัยหุ้มหนัง
– ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
– กุญแจรีโมทมัลติฟังก์ชั่น
– ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย

Honda Civic 2016 รุ่น 1.8 i-VTEC ES AT 950,000.
– ระบบปัดน้ำฝนแบบปรับตั้งหน่วงเวลาได้
– ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
– เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง
– ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7″ แบบ Advanced Touch
– เครื่องเล่นดีวีดี
– รองรับการเชื่อมต่อ Smart Phone*
– ช่องเชื่อมต่อ USB 2 ตำแหน่ง
– ช่องเชื่อมต่อ HDMI
– ลำโพง 4 + 2 ทวีตเตอร์
– กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ

Honda Civic 2016 รุ่น 1.8 i-VTEC E AT Navi 990,000.
– วัสดุตกแต่งภายในแบบ Piano Black
– ระบบนำทางเนวิเกเตอร์

Honda Civic 2016 รุ่น 2.0 i-VTEC ES AT Navi 1,145,000.
– ล้ออัลลอย 17 x 7J
– ขนาดยาง 215/45 R17
– ไฟหน้าโปรเจอเตอร์ แบบ HID
– ไฟหน้าปรับระดับอัตโนมัติ
– ระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ
– ระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ
– สีภายใน สีดำ
– ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย
– เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง
– ถุงลมด้Œานข้างคู่‹หน้Œาอัจฉริยะ i-Side Airbags
– ม่านถุงลมด้านข้าง Side Curtain Airbags
– ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว VSA
– ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า

อีกขั้นแห่งจินตนาการ ผสานดีไซน์เร้าใจไร้ขีดจำกัด Dynamic Exterior

สู่มิติใหม่ ทะยานไปกับเส้นสายทรงพลัง โดดเด่นทุกการเคลื่อนไหวกับกระจังหน้าโครเมียมใหม่ เพิ่มดีกรีสปอร์ตหรูเหนือชั้น เติมอารมณ์สปอร์ตเต็มขั้นด้วยสเกิร์ตหน้ารอบคัน พร้อมสปอยเลอร์หลังแบบ Wing นำทุกดีไซน์ ปลุกความเร้าใจอย่างแท้จริง

หรูหราเหนือระดับ รองรับทุกจิตวิญญาณสปอร์ต Elegant Interior

ผสานความสุขเพื่อทุกองศาชีวิตที่ลงตัว ภายใต้ห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบาย หรูหรามีระดับในทุกสัมผัส พร้อมมอบประสบการณ์ที่เต็มเปี่ยมด้วยอารมณ์สปอร์ต เหนือความคาดหมาย โลดแล่นไปกับความรู้สึกพิเศษตลอดการเดินทาง

เบาะนั่งสีเบจ ในรุ่น 1.8E Navi, 1.8 ES และ 1.8E (ขึ้นอยู่กับสีภายนอก)

เบาะนั่งด้านข้างคนขับ ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง

ช่องเชื่อมต่อ USB พร้อมช่องเชื่อมต่อ HDMI

เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้า ปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง

ก้าวล้ำสู่มิติใหม่ ไร้ขีดจำกัดทุกการควบคุม Advanced Control Technology
ตอบรับเหนือชั้น ผสานเทคโนโลยีสมบูรณ์แบบ ด้วยระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลแบบอัจฉริยะ i-MID และพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นที่สามารถสั่งการได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส ตอบทุกความต้องการให้ชีวิตไร้ขีดจำกัด

– Real Time Consumption Meter มาตรวัดแสดงอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงแบบ Real Time
– Intelligent Multi-Information Display (i-MID) หน้าจอแสดงข้อมูลแบบอัจฉริยะ
– Multiplex Meter มาตรวัดเรืองแสงแบบ 2 ชั้น
– Paddle Shift ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย
– One Push Ignition System ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ
– Information Switch ปุ่มเลือกการแสดงข้อมูลบนหน้าจอ
– Cruise Control System ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
– ECON Mode โหมดการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน
– Auto Air Con ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
– Hand Free Telephone Switch ปุ่มรับและวางสายโทรศัพท์บนพวงมาลัย

อัจฉริยภาพครั้งใหม่ ท้าทายทุกเทคโนโลยี ให้ทุกสิ่งเป็นไปได้ สู่สัมผัสใหม่แห่งการควบคุม ด้วยระบบเครื่องเสียง หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch พร้อมระบบนำทางเนวิเกเตอร์ พาชีวิตสู่ทุกจุดหมาย หนึ่งเดียวที่ผสานความสะดวกสบาย ตอบรับไลฟ์สไตล์ที่เหนือกว่า

Hands Free Telephone หน้าจอแสดงผลการเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สาย

Audio Display หน้าจอแสดงผลในโหมดเครื่องเล่น

ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch พร้อมระบบนำทางเนวิเกเตอร์

*สำหรับรุ่น 2.0 ES Navi, 1.8 E Navi

HDMI รองรับการเชื่อมต่อภาพและเสียงผ่าน HDMI

Navigation รองรับ HondaLink Navigation Application
*เฉพาะ Smart Phone บางรุ่น *สำหรับรุ่น 1.8 ES ขึ้นไป

Honda Link Application *เฉพาะ Smart Phone บางรุ่น

i-MID (Intelligent Multi-Information Display)

สัมผัสความเหนือระดับกับเทคโนโลยี i-MID หน้าจอแสดงข้อมูลแบบอัจฉริยะ ด้วย LCD ขนาด 5 นิ้ว ตอบครบทุกความต้องการเพียงสั่งการจากพวงมาลัย สะดวกสบาย ปลอดภัย ไม่ต้องละสายตาจากถนนระหว่างขับขี่

Fuel Consumption Display หน้าจอแสดงผลอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง ช่วยวางแผนการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Vehicle Menu หน้าจอแสดงข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์ ปรับเปลี่ยน ตั้งค่า และเลือกรูปแบบได้ตามต้องการ

Warning หน้าจอแสดงสัญญาณเตือนต่างๆ ปลอดภัยทุกรายละเอียด อุ่นใจได้ทุกเส้นทาง

Wallpaper หน้าจอแสดงภาพ Wallpaper บ่งบอกความเป็นตัวคุณ ด้วยภาพที่เลือกได้เอง
*รูปถ่ายควรมีขนาดไม่เกิน 2MB *เฉพาะรุ่น 1.8E และ 1.8S

เทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม ขับเคลื่อนเพื่อโลกไม่หยุดยั้ง ECON TECHNOLOGY

ทะยานไปกับพลังเพื่อวันใหม่ ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ด้านวัตกรรม Eco Assist ระบบช่วยการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน พร้อมเสริมพฤติกรรมการขับขี่ที่ถูกวิธี ช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและดูแลสิ่งแวดล้อมให้ดียิ่งขึ้น

เป็นระบบที่ช่วยลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลือง โดยระบบจะปรับการทำงานของเครื่องยนต์ ลิ้นปีกผีเสื้อ และระบบเกียร์ให้ทำงานสัมพันธ์กันในขณะวิ่ง รวมถึงระบบจะปรับการทำงานของระบบปรับอากาศ และการหมุนเวียนอากาศภายในห้องโดยสารให้เหมาะสมกับอุณหภูมิภายนอกรถ ซึ่งการทำงานของ ECON Mode นั้น จะช่วยควบคุมเครื่องยนต์ให้ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

Real Time Fuel Consumption Meter มาตรวัดเรืองแสงอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง แบบ Real Time

แก๊สโซฮอล์ E85 ตอบรับพลังงานทางเลือก ที่ช่วยคุณประหยัด พร้อมดูแลสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยพิษ

Eco Coaching ระบบแสดงผลการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน ที่ช่วยแนะนำให้ผู้ขับขี่ใช้เชื้อเพลิงอย่างรู้คุณค่า โดยวัดจากพฤติกรรมการเหยียบเบรก และคันเร่งของผู้ขับขี่ ซึ่งจะแสดงผลในรูปแบบของแถบสี ช่วยส่งเสริมพฤติกรรมการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น และเป็นอีกวิธีที่จะช่วยโลกในการประหยัดพลังงาน

แถบสีน้ำเงิน แสดงสภาวะการขับขี่แบบทั่วไป

แถบสีเขียว แสดงสภาวะการขับขี่ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ

ปลอดภัยเหนือชั้น มั่นใจตลอดการเดินทาง ULTIMATE SAFETY

ที่สุดแห่งความมั่นใจ ให้ทุกวินาทีปลอดภัยด้วยระบบถุงลม 6 ตำแหน่ง ระบบควบคุมการทรงตัว VSA ผสานระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ EBD เพื่อความมั่นคงทุกการขับเคลื่อน พร้อมเพิ่มทัศนวิสัยให้ผู้ขับขี่ด้วยกล้องมองหลังแบบปรับมุมมองได้ 3 ระดับ อีกขั้นแห่งมาตรฐานความปลอดภัยที่พัฒนาไม่หยุดยั้ง

Multi-angle Reaeview Camera กล้องส่องภาพด้านหลัง ปรับมุมมองได้ 3 ระดับ ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการถอย โดยสามารถเลือกดูมุมกล้องที่แตกต่างกันได้ทั้งแบบ 130 องศา 180 องศา และมุมมองจากด้านบน

ระบบถุงลม 6 ตำแหน่ง ถุงลมคู่หน้า Dual SRS ถุงลมด้านข้างคู่หน้าอัจฉริยะ i-Side Airbags และม่านถุงลมด้านข้าง Side Curtain Airbags

ไฟหน้า HID ปรับระดับอัตโนมัติ พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ เพิ่มทัศนวิสัยขณะขับขี่ในเวลากลางคืน

ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมระบบสัญญาณกันขโมย

ระบบควบคุมการทรงตัว VSA เพิ่มการยึดเกาะถนน มั่นคงทุกการขับเคลื่อน

โครงสร้างตัวถังนิรภัย G-Force Control หรือ G-CON ปกป้องผู้โดยสารจากการชนรอบทิศทาง

ขับเคลื่อนสู่ความเร้าใจ…ไร้ขีดจำกัด EXCEED PERFORMANCE

ท้าทายทุกพลังขับเคลื่อน ไปกับขุมพลังเร้าใจของเครื่องยนต์ SIHC i-VTEC 2.0 ลิตร 155 แรงม้า และ 1.8 ลิตร 141 แรงม้า ตอบสนองนุ่มนวลด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ควบคุมสมรรถนะได้อย่างใจ ด้วยพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้า EPS พร้อมระบบการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift ทะยานสู่ทุกจุดหมายได้ไม่จำกัด

เครื่องยนต์ SOHC i-VTEC 2.0 ลิตร และ 1.8 ลิตร ให้การเผาไหม้สมบูรณ์แบบ ทะยานพร้อมพลังที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ระบบกันสะเทือนหน้าแบบแม็คเฟอร์สัน สตรัท อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง และระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงค์ อิสระพร้อมเหล็กกันโคลง ให้การยึดเกาะถนนและการทรงตัวที่ดีเยี่ยม

เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ขับขี่นุ่มนวล ตอบสนองทันใจ

COLOR สี Honda Civic 2016

Honda Civic 2016 มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ 1. สีขาว 2. สีเงิน 3. สีเทา 4. สีดำ

Honda Civic สีขาว

Honda Civic สีเงิน

Honda Civic สีเทา

Honda Civic สีดำ

*ของแถม Honda Civic จัดเต็ม ติดต่อ  เซลล์   089-7899077 K.เบลล์ *ดาวคะนอง ฝั่งธน

ถ้าบทความนี้มีประโยชน์ฝากกด LIKE + SHARE ด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ ^__^

เปิดตัวทีเซอร์แนะนำแบบจัดเต็มกับ “2016 Honda Civic Sedan” ซีดานแห่งยุคนี้

ในที่สุดรถซีดานสุดโหดแห่งยุคอย่าง all-new 2016 Honda Civic นั้นก็ได้เปิดตัวออกมาอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้วในการเปิดตัวครั้งล่าสุดโดยมาพร้อมกับแคมเปญโฆษณาสุดยอดแห่งยุคอย่าง “New From The High Ground” หรือคุณภาพสู่มาตรฐานระดับสูงที่สะท้อนถึงตัวตนได้เป็นอย่างดี

สำหรับสปอตโฆษณาเพิ่มเติมดังกล่าวนั้นมีความยาวทั้งสิ้นประมาณ 30 นาที มาพร้อมกับการเปิดเผยรายละเอียดของภาพแบบ Perspective ของรถแบบ Honda Civic Sedan ซึ่งทีมงานของพวกเขาได้โชว์ศักยภาพเกี่ยวกับตัวรถออกมาในหลายๆส่วนทั้งส่วนประกอบต่างๆและการขับขี่โชว์เล้กน้อย

ในส่วนของไอเดียต่อมาคือมันแสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าของการออกแบบดีไซน์ของรถแบบ Honda Civic สุดสวยงามโดยเปิดตัวผ่านทางเวปไซต์ด้านโซเชี่ยลอย่าง Instragram ตั้งแต่ในวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งรถแบบ Honda Civic รุ่นใหม่นั้นทำให้ประทับใจเป็นอย่างมากจนต้องออกทางสื่อใหม่ๆทั้ง Snapchat, Twitter, YouTube และ Facebook

นอกจากนี้ทางทีมงานโฆษณาของทาง Honda เองยังได้เพิ่มการโฆษณาผ่านทางเคเบิ้ล TB และเครือข่ายอื่นๆเพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งจะมีโฆษณาอีกถึง 3 พาร์ทด้วยกันให้แฟนๆนั้นได้ติดตามชมกันอย่างใกล้ชิดเต็มรูปแบบ

เปิดตัวรายละเอียดของ “Honda Civic” โฉมยุโรปรุ่นใหม่แล้วสุดสปอร์ต

Honda แบรนด์รถจากประเทศญี่ปุ่นชื่อดังนั้นล่าสุดได้ทำการยืนยันแล้วว่าจะเปิดตัวรถแบบ “Civic Type R” ในโฉมยุโรปออกมาแล้วใน Generation รุ่นใหม่ (New Generation) ซึ่งมีความเป็นสปอร์ตเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม

โดยพวกเขานั้นยืนยันว่ารถในโฉมยุโรป (European Civic) ของพวกเขานั้นนอกเหนือจากมีความเป็นสปอร์ตมากขึ้นกว่าเดิมแล้วนั้นยังจะมาพร้อมกับเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จแบบใหม่ (turbocharged engine) อีกด้วย

สำหรับแพลตฟอร์มนั้นทางทีมงานของ Honda ยืนยันว่าพวกเขาจะนำโฉมในอเมริกา (US Market) มาเป็นตัวต้นแบบสำหรับการผลิตในโฉมยุโรปตัวล่าสุดนี้ แต่มีการอัพเกรดระบบช่วงล่าง (ระบบ suspension) เพิ่มเติม, ซัฟเฟรมขนาดใหญ่ที่รองรับแรงกระแทกเป็นอย่างดี และทำให้มันเพิ่มการควบคุมได้ดีขึ้น 25 % จากของเดิม

สื่อชื่อดังอย่าง Autocar นั้นมีการยืนยันแล้วว่าสเป็คของมันนั้นจะอยู่ที่กำลัง 174 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 163 lb-ft. จากเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตรเบนซิน (แต่ในโฉมใหม่ในยุโรปนั้นจะใช้เป็นขนาด 1.0 ลิตร ให้กำลังทั้งสิ้น 127 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 148 lb-ft.) ที่มาแทนเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตรแบบเดิม

สำหรับรถแบบ Honda Civic Sedan นั้นจะทำการผลิตในโรงงานของ Honda เองในเมือง Swindon Town

กว่า 43 ปี 9 เจนเนอเรชั่น แห่งความสำเร็จ Honda Civic

Honda Civic กำเนิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1972 และนับตั้งแต่นั้นมา ยนตรกรรมต้นแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของฮอนด้า คันนี้ ได้รับการสร้างสรรค์และพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้รถทั่วโลกในทุกยุคสมัย จวบจนถึงปัจจุบันรวมระยะเวลา 43 ปี โดยมีพื้นฐานแนวคิดแห่งการสร้างสรรค์และพัฒนา
คือ การออกแบบเทคโนโลยียานยนต์ให้ก้าวล้ำนำสมัยอยู่เสมอ พร้อมทั้งตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถให้ได้มากที่สุด

ฮอนด้า ซีวิค ทั้ง 9 รุ่น จึงสะท้อนภาพลักษณ์ของยนตรกรรมที่เหนือนิยามของมาตรฐานแห่งโลกวิศวกรรมยานยนต์ ความก้าวล้ำทางเทคโนโลยียานยนต์ คือ ความหมายของฮอนด้า ซีวิค ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง และ “จิตวิญญาณแห่งความท้าทาย” ยังคงเป็นหัวใจของ ฮอนด้า ซีวิค ที่ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นอยู่เสมอ
พบกับเรื่องราวของฮอนด้า ซีวิค ทั้ง 9 รุ่น สำหรับบทพิสูจน์กว่า 43 ปี แห่งความก้าวล้ำในการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ของ ฮอนด้า ซีวิค สู่ความเป็นยนตรกรรมอันมีเอกลักษณ์ระดับโลก

1.Honda Civic รุ่นที่ 1 (ค.ศ. 1972 – 1979) : จุดกำเนิดของนวัตกรรม สู่การเป็นผู้นำมาตรฐานยานยนต์โลก

นับเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญของโลก และเป็นจุดกำเนิดของนวัตกรรมของฮอนด้า ซีวิค นั่นคือ การนำเสนอเครื่องยนต์ CVCC หรือ Compound Vortex Controlled Combustion ซึ่งเป็นเครื่องยนต์รุ่นแรกที่สามารถ ผ่านมาตรฐาน Muskie Act หรือ กฎหมายควบคุมมลพิษในไอเสียที่เข้มงวดที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยออกแบบเพื่อให้เป็นรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและประหยัดน้ำมันมากที่สุด และในรุ่นเดียวกันนี้เอง ยังถือเป็นครั้งแรก ที่ ฮอนด้า ซีวิค ได้พลิกโฉมประวัติศาสตร์การออกแบบรถยนต์คอมแพคท์และกลายเป็นมาตรฐานสำหรับรถยนต์ ทั่วโลก ด้วยการออกแบบที่มีลักษณะเป็นทรง 2 มิติ (Two-box Styling) โดยวางเครื่องยนต์ไว้ด้านหน้าพร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหน้า และยังเป็นครั้งแรกที่ขยายสายผลิตภัณฑ์ด้วยการนำเสนอระบบเกียร์อัตโนมัติ

2.Honda Civic รุ่นที่ 2 (1979 – 1983) : รถยนต์คุณภาพแห่งยุค 80’s

ตอกย้ำความสำเร็จของเครื่องยนต์จากรุ่นแรกด้วยการพัฒนาเครื่องยนต์สำหรับรุ่นที่ 2 ด้วยเครื่องยนต์ CVCC-II ที่เพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้และช่วยให้เครื่องยนต์ทรงพลังมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ฮอนด้า ซีวิค เป็นรถยนต์ ที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ได้มีการแนะนำโฉมใหม่ ทั้งในรูปแบบของ รถ Country Station Wagon และแบบรถยนต์ 4 ประตู การันตีความสำเร็จของการเป็นยนตรกรรมแห่งยุค 80’s ของ ฮอนด้า ซีวิค รุ่นที่ 2 ด้วยรางวัล “U.S. Import Car of the Year” จากนิตยสาร Motor Trend

3.Honda Civic รุ่นที่ 3 (1983 – 1987) : ความสำเร็จทั้งในเอเชีย สหรัฐอเมริกา และยุโรป

ด้วยคอนเซ็ปต์ในการพัฒนาฮอนด้า ซีวิค รุ่นที่ 3 นี้ คือ “maximum space for people, minimum space for mechanisms” เป็นการมอบพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางขึ้นเพื่อความสะดวกสบายของผู้ใช้รถ ส่งผลให้ฮอนด้า ซีวิค รุ่นนี้ มีรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งแบบแฮทช์แบ็ค 3 ประตู, ซีดาน 4 ประตู, และแบบชัตเทิล 5 ประตู (shuttle) และเป็นครั้งแรกที่เผยโฉม ฮอนด้า ซีวิค เอสไอ โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีเฉพาะในรถแข่งฟอร์มูล่าวันเท่านั้น ส่งผลให้เป็นรุ่นที่ได้รับกระแสความนิยมอย่าง ล้นหลามในยุคนั้น ด้วยนวัตกรรมที่ล้ำหน้าและการออกแบบของหลังคาที่ยาวมากขึ้น ฮอนด้า ซีวิค ได้รับรางวัล “Car of the Year” ในประเทศญี่ปุ่น ในปี 1984 และในปีเดียวกัน ฮอนด้า ซีวิค ได้ตอกย้ำความสำเร็จของการเป็นรถยนต์ที่มีประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันสูงสุด ด้วยการได้รับคะแนนสูงสุดจากการทดสอบอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน จาก U.S. Environmental Protection Agency และยังประสบความสำเร็จในตลาด ฝั่งยุโรปด้วยรางวัลด้านการออกแบบรถยนต์ “Torino-Piedmonte Car Design Award” นอกจากนี้ ฮอนด้า ซีวิค รุ่นที่ 3 นี้ ยังเป็นรุ่นแรกที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ก่อนที่จะเริ่มมีการประกอบและจำหน่ายในประเทศในรุ่นถัดไป

4.Honda Civic รุ่นที่ 4 (1987 – 1991) : อีกขั้นแห่งยนตรกรรมที่เร้าใจสไตล์สปอร์ต

รุ่นนี้เป็นอีกรุ่นที่สนองตอบทุกความต้องการของผู้ใช้รถ ด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อการขับขี่ที่สะดวกสบาย และสนุกเร้าใจสไตล์สปอร์ต อาทิ ระบบกันสะเทือนดับเบิ้ลวิชโบน ซึ่งเป็นปีกนก 2 ชั้น ทั้ง 4 ล้อ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีเฉพาะในรถแข่งฟอร์มูล่าวันและรถสปอร์ตเท่านั้น สำหรับตัวถังได้รับการออกแบบให้ลู่ลม และกว้างขวางยิ่งขึ้น อีกทั้งยังนำเสนอเครื่องยนต์ VTEC ระบบ Twin Cams เพิ่มประสิทธิภาพในการเปิด-ปิดวาล์ว ที่สอดคล้องกับรอบของเครื่องยนต์ ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างราบรื่นในรอบความเร็วต่ำ และช่วยให้เร่งเครื่องได้อย่างไม่สะดุดที่รอบความเร็วสูง ความสำเร็จของฮอนด้า ซีวิค รุ่นที่ 4 ในตลาดยุโรปยังคงมีอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับรางวัล “Golden Steering Wheel Award” จากหนังสือพิมพ์สัญชาติเยอรมัน Bild am Sonntag และถูกจัดอันดับให้เป็นที่ 1 ในการเป็นยนตรกรรมคุณภาพที่น่าเชื่อถือ จัดอันดับโดยนิตยสาร L’Automobile ประเทศฝรั่งเศส

5.Honda Civic รุ่นที่ 5 (1991 – 1995) : พลิกโฉมการออกแบบรูปลักษณ์ครั้งสำคัญ

ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของฮอนด้า ซีวิค กับการพลิกโฉมให้มีรูปทรงที่โค้งมน ซึ่งเป็นการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ เพื่อลดแรงต้านทานและเพิ่มการลู่ลม การออกแบบตัวถังภายในที่ตอบความต้องการของ คนรุ่นใหม่ในยุค 90’s ซึ่งเป็นโครงสร้างตัวถังแซมบ้า โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากคอนเซ็ปต์งานคาร์นิวัลในกรุงริโอ เดอ จาเนโร ที่เน้นพลังและความมีชีวิตชีวาในทุกๆ ด้าน อีกทั้งยังเป็นการเปลี่ยนแปลงสู่ความปลอดภัยที่เหนือกว่าด้วยการติดตั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ล้ำสมัยที่มีเฉพาะในรถยนต์ระดับหรูเท่านั้น อาทิ ป้องกันการหลุดโค้งด้วยระบบควบคุมการทรงตัว (TCS) ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) และระบบป้องกันการลื่นไถล (LSD) ด้วยความล้ำหน้าทางนวัตกรรมการออกแบบและเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ทำให้ฮอนด้า ซีวิค รุ่นที่ 5 ได้รับรางวัล “Car of the Year Japan” สองปีติดต่อกัน ในปี 1991 และ 1992

6.Honda Civic รุ่นที่ 6 (1995 – 2000) : เปี่ยมด้วยสมรรถนะ ความปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ฮอนด้า ซีวิค ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาโครงสร้างตามหลักอากาศพลศาสตร์ และโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ตอบรับความต้องการของผู้ใช้รถในยุคนั้น ที่คำนึงถึงสมรรถนะของเครื่องยนต์ที่สูงขึ้น ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยเครื่องยนต์ VTEC ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของฮอนด้า และเป็นรุ่นที่ได้รางวัล “Car of the Year Japan” สองปีซ้อน ในปี 1995 และ 1996

7.Honda Civic รุ่นที่ 7 (2000 – 2005) : มาตรฐานความปลอดภัยที่เหนือระดับ สร้างบรรทัดฐานใหม่แก่วงการยานยนต์

มีการใช้โครงสร้างตัวนิรภัย G-CON เพื่อช่วยปกป้องห้องโดยสารจากการชนรอบทิศทาง จึงทำให้ ฮอนด้า ซีวิค รุ่นที่ 7 นี้ เป็นรถยนต์ที่มีเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งได้รับรางวัล Car of the Year Japan สองปีติดต่อกัน ในปี 2001 และ 2002 ประกอบกับแนวคิดการออกแบบและพัฒนาเพื่อให้เป็น “มาตรฐานของรถยนต์ระดับคอมแพคท์” ส่งผลให้ ฮอนด้า ซีวิค มีพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวางมากยิ่งขึ้น ประหยัดน้ำมันสูงสุด และให้การขับขี่ที่นุ่มนวล รวมถึงเปลี่ยนแปลงด้านการออกแบบด้วยการผสมผสานระหว่างตัวถังแบบทรงกล่อง และเพิ่มความโค้งมนให้กลมกลืนมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังนับเป็นครั้งแรกที่มีการจำหน่ายเครื่องยนต์ไฮบริด ในสหรัฐอเมริกา โดยผ่านการรับรองว่าเป็นรถยนต์ที่ปล่อยไอเสียเป็นศูนย์ จาก California Air Resources Board และมีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ 19.5 กม./ลิตร

8.Honda Civic รุ่นที่ 8 (2005 – 2012) : ยนตรกรรมระดับโลกอย่างแท้จริง

อีกครั้งที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ฮอนด้า ซีวิค รุ่นที่ 8 ได้รับการผลิตใน 6 ภูมิภาคทั่วโลก โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์ใหม่ที่มีขนาดเล็กลงแต่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ และให้ประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันสูงสุด โดยได้รับเสียงตอบรับจากทั่วโลกว่าเป็นรุ่นที่สวยที่สุด และมียอดจำหน่ายสูงที่สุดด้วยเช่นกัน

9.Honda Civic รุ่นที่ 9 (2012 – 2016) : ยกระดับความหรูหรา สะดวกสบายด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย

ภายใต้แนวคิดในการพัฒนาฮอนด้า ซีวิค ให้เป็นยนตรกรรมที่โดดเด่นแห่งอนาคต ฮอนด้า ซีวิค รุ่นที่ 9 นี้ ได้รับการพัฒนาขึ้นภายใต้ความประณีตและหรูหรายิ่งขึ้น และยังคงมุ่งเน้นการเป็นรถยนต์ที่ประหยัดพลังงานมากที่สุด รองรับการใช้พลังงานทางเลือก E85 รวมถึงเทคโนโลยีอันล้ำหน้าที่ตอบสนองในทุกการใช้งานเพื่อความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นครั้งแรกที่มีเทคโนโลยี i-Mid หน้าจอแสดงข้อมูลแบบอัจฉริยะ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่สูงสุด

Honda Civic ทั้ง 9 รุ่น ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงวิวัฒนาการแห่งความก้าวล้ำทางเทคโนโลยียานยนต์ที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นตลอด 43 ปี ซึ่งฮอนด้ายังคงมุ่งมั่นพัฒนาและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ในฮอนด้า ซีวิค อย่างต่อเนื่อง ด้วยจิตวิญญาณแห่งความท้าทาย อันเป็นหัวใจสำคัญของฮอนด้า โดยในเร็วๆนี้ ฮอนด้า ซีวิค รุ่นที่ 10 พร้อมแล้วที่จะเปิดตัวในตลาดประเทศไทย ซึ่งจะเป็นอีกครั้งที่ฮอนด้า ซีวิค ได้ก้าวข้ามมาตรฐานรถยนต์ในแบบเดิมๆ สู่ที่สุดแห่งยนตกรรมระดับโลกสมกับที่ทุกคนรอคอย

IIHS การันตีมมอบรางวัลสุดยอดรถให้ “2016 Honda Civic” โฉมใหม่ล่าสุด

ถือเป็นข่าวดีในรอบอาทิตย์เลยก็ว่าได้เมื่อในที่สุดรถซีดานสุดโหดแบบ Honda Civic Sedan รุ่นใหม่ล่าสุดก็ได้รับรางวัลความปลอดภัยอย่าง “2016 North American Car of the Year” เรียบร้อยแล้ว

โดยสาเหตุหลักๆเลยพวกเขานั้นเพิ่งจะอัพเกรดเทคโนโลยีความปลอดภัยแบบ “Top Safety Pick+” ไปได้ไม่นานทำให้มันผ่านมาตรฐานของความปลอดภัยจากทางด้านสหรัฐอเมริกาในชื่อของ Insurance Institute for Highway Safety (IIHS)

ส่วนอื่นๆของ 2016 Civic Sedan ทางด้านภายนอก (Exterior) นั้นจะมาพร้อมกับตัวถังแบบ Honda Sensing suite (มาตรฐานของ Touring) รวมไปถึงระบบความปลอดภัยต่างๆที่จะทำให้ดียิ่งขึ้น

ด้านเทคโนโลยีมาพร้อมกับทางเลือกใหม่ๆมากมาย เช่น ระบบ cruise control (ประหยัดน้ำมัน), lane departure warning (เตือนขณะเปลี่ยนเลน), Traction Control (การควบคุมรถ) และ LATCH child seat (จอทีวีบนที่นั่งคนขับ)

สำหรับรถในแบบ Honda Civic นั้นจะประกอบในไลน์การผลิตด้วยกันหลายรุ่น ได้แก่ Coupe, Five Hatch (โฉม 5 ประตู) และ civic Type R ในตลาดประเทศสหรัฐอเมริกา

All New Honda Civic คว้า 6 รางวัล ยนตรกรรมยอดเยี่ยม ในสหรัฐฯและแคนาดา หลังจากเปิดตัวเพียง 4 เดือน

2016 Honda Civic Sedan

Honda Automobiles (ประเทศไทย) เผยความสำเร็จของยนตรกรรม Honda Civic ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 10 ซึ่งภายหลังจากการเปิดตัวครั้งแรกอย่างเป็นทางการที่เมืองลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 16 กันยายน ในปีที่ผ่านมา เพียง 4 เดือน Honda Civic สามารถคว้า 6 รางวัล จาก 5 สถาบันชั้นนำ ทั้งในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ด้วยการออกแบบที่ยกระดับความหรูหราในสไตล์สปอร์ตยิ่งขึ้น สมรรถนะของเครื่องยนต์ที่ดีเยี่ยม ฟังก์ชั่นการใช้งาน รวมถึงเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบาย และอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ล้ำสมัย

รางวัลที่ Honda Civic ใหม่ ได้รับ มีดังนี้
1. รางวัล “North American Car of the Year” จากสื่อมวลชนสายยานยนต์ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ในเดือนมกราคม 2559

2. รางวัล “Best Compact Sedan” จาก Hispanic Motor Press จากสื่อมวลชนสายยานยนต์ชาวละติน ในเดือนธันวาคม 2558

3. รางวัล “AutoGuide.com 2016 Car of the Year” จากเว็บไซต์ชื่อดังในประเทศแคนาดาที่นำเสนอข่าวสารและการรีวิวรถทุกประเภทในอุตสาหกรรมยานยนต์ ในเดือน ธันวาคม 2558

4. รางวัล “Best New Award” อันเป็นส่วนหนึ่งของรางวัล “Canadian Car of the Year” จาก Automotive Journalists Association of Canada (AJAC) ประเทศแคนาดา ในการทดสอบรถยนต์รุ่นใหม่ทั้งสิ้น 42 รุ่น ที่เปิดตัวในปี 2015 โดยได้รับคะแนนเป็นอันดับที่ 1จากสื่อมวลชนสายยานยนต์ในประเทศแคนาดากว่า 70 ท่าน ในเดือนพฤศจิกายน 2558

5. รางวัล “Best Buy Award” โดยได้รับรางวัลทั้งในประเภท Overall Best Buy และ Category Best Buys สำหรับรถยนต์ในระดับคอมแพคท์ จาก Kelly Blue Book ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยและประเมินคุณค่าของยานพาหนะทุกประเภท ในเดือนพฤศจิกายน 2558

2016 Honda Civic Sedan

นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “Honda Civic เป็นยนตรกรรมระดับโลกที่ครองใจผู้ใช้มายาวนานกว่า 43 ปี นับตั้งแต่ เจเนอเรชั่นที่ 1 ที่เปิดตัวในปี ค.ศ.1972 จนถึงเจเนอเรชั่นที่ 9 ด้วยยอดขายสะสมจนถึงปี 2015 กว่า 28.7 ล้านคันทั่วโลก และเมื่อเดือนกันยายน ในปีที่ผ่านมา ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 10 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยได้รับความสนใจ รวมถึงได้รับรางวัลจากสถาบันต่างๆ ภายหลังการเปิดตัวเพียงไม่กี่เดือน สะท้อนให้เห็นถึงความก้าวล้ำทางเทคโนโลยียานยนต์อย่างครอบคลุมในทุกด้าน ตั้งแต่ การออกแบบ สมรรถนะเครื่องยนต์ ฟังก์ชั่นการใช้งานเพื่อความสะดวกสบาย รวมถึงความปลอดภัย ซึ่งนับเป็นอีกครั้งที่ Honda Civic ได้ตอกย้ำความเป็นยนตรกรรมชั้นนำระดับโลกอย่างแท้จริง”

และในเร็วๆ นี้ ยนตรกรรมพรีเมี่ยมสปอร์ตซีดาน Honda Civic ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 10 พร้อมที่จะเผยโฉมให้คนไทยได้สัมผัสอีกขั้นของความก้าวล้ำทางเทคโนโลยียานยนต์ อันเป็นหัวใจสำคัญในการออกแบบ Honda Civic ที่ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นอยู่เสมอ สมกับเป็นยนตรกรรมระดับโลกที่ทุกคนรอคอย

รีวิวสัมผัสแรก All New Honda Civic VTEC Turbo RS สปอร์ตแรง ขับขี่นุ่มนวลสไตล์รถหรู

All New Honda Civic โฉม ใหม่ นับเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 10 ซึ่งในประเทศไทยจะเป็นรุ่นที่เตรียมเปิดในเดือนหน้านี้ และทาง ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) ได้จัดกิจกรรมพิเศษ พาคณะสื่อมวลชนทดสอบสมรรถนะของเครื่องยนต์ VTEC TURBO ใหม่ ที่จะวางลงใน All New Civic 1.5 Turbo RS คันนี้ ณ สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ นับเป็นครั้งแรกของประเทศไทยก่อนเปิดตัว ซึ่ง 9carthai ของเราก็ได้รับเกียรติในการเข้าร่วมทดสอบครั้งนี้ด้วยเช่นกัน

All New Honda Civic ใหม่ ทางทีม R&D ของ Honda Civic ใหม่ ได้ตั้งเป้าให้ All New Civic เทียบเท่ารถหรูในระดับ Compact ยุโรป ทั้งในด้านของรูปลักษณ์ที่ดูหรูหรา แต่แฝงความสปอร์ตพรีเมี่ยม รวมไปถึงการมีมิติตัวขนาดใหญ่ใกล้เคียงกับ D-Segment เน้นรูปลักษณ์ความพรีเมียมแบบรถยุโรป ด้วยโครงสร้างรถที่กว้าง แต่เตี้ยลง ให้รูปลักษณ์แบบสปอร์ต และอากาศพละศาสตร์ที่ดีเยี่ยม ขณะที่เน้นทัศนวิสัยในการขับขี่

ไฟหน้าแบบ Full LED ทั้งไฟสูง-ต่ำ ซึ่งมีรูปลักษณ์คล้าย Honda NSX ใหม่ ไฟเลี้ยวพร้อมด้วยไฟ DRL แบบ LED กระจังหน้าดีไซน์ทันสมัย นอกจากนี้จะมีไฟ Parking Lamp ติดตั้งที่กันชนหน้าใกล้กับซุ้มล้อ สว่างขึ้นตามการเปิดไฟหน้า
ไฟท้ายแบบแยก 2 ชิ้น โดยในส่วนโคมไฟจะติดตั้งอยู่บนฝากระโปรงด้วย

ในรุ่น RS คันนี้มีสปอยเลอร์ พร้อมติดตั้งไฟเบรกดวงที่ 3 และโลโก้ RS บ่งบอกความเท่ รวมไปถึงดีไซน์ของกระจกมองข้างใหม่รูปลักษณ์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว
สำหรับท่อไอเสียเป็นแบบออกคู่ แต่ซ่อนปลายท่อไว้ เนื่องจาก ต้องการภาพความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ด้านมิตินั้น ใหญ่ขึ้นในทุกมิติ แต่เตี้ยลง มีความกว้าง x ยาว x สูง x ระยะฐานล้อ = 1,799 x 4,630 x 1,416 x 2,700 มม.

ทันทีที่เปิดประตูเข้าภายในห้องโดยสารผ่านระบบ Keyless Entry ซึ่งในชุดกุญแจนี้ ยังมีลูกเล่น Remote Start ช่วยให้ติดเครื่องยนต์พร้อมเปิดระบบแอร์ไว้ ขณะที่ตัวรถยังคงล็อคอยู่ ช่วยให้ผู้ขับไม่ต้องร้อน

สำหรับดีไซน์ภายใน ได้มีการพัฒนาให้ดูหรูหราและทันสมัย จุดเด่นคือเรื่องของพื้นที่ภายในที่กว้างขวาง และ

ไม่ได้จัดวางภายในให้กว้างเพียงอย่างเดียว เพราะเน้นความสูงตัวถังให้ต่ำลง ซึ่งยึดหลักการออกแบบ Man Maximun Machine Minimum ภายในตกแต่งด้วยโทนสีดำตัดด้วย Trim สีเงิน Metallic

ที่แผงคอนโซลกลางเราจะพบกับดีไซน์ที่วางแก้วน้ำแปลก แต่ดูล้ำ ที่เท้าแขนสไลด์ออกได้ แต่พบว่ามันให้สัมผัสที่แข็งไปนิด หน้าจอแสดงผลสวยงาม

มาตรวัดแบบสปอร์ต 3 ช่อง ช่องกลางแสดงผลความเร็วแบบดิจิตอลขนาดใหญ่ และใช้แสดงผลการควบคุมหน้าจอ MID ซึ่งสามารถกดปุ่มได้บนพวงมาลัยแบบ 3 ก้าน ซึ่งมาพร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงทางฝั่งซ้าย และปุ่มระบบ Cruise Control ทางฝั่งขวา รวมไปถึงสวิทช์รับสายโทรศัพท์ ด้านหลังพวงมาลัยมีแป้น Paddle Shift ไว้ให้ควบคุมเกียร์ได้ด้วยตนเอง

หน้าจอเครื่องเสียงคันนี้เป็นแบบ Advanced Touch แสดงผลทั้งกล้องมองหลังและระบบ Lanewatch (ยกมาจาก Accord) ที่มีกล้องติดตั้งบนกระจกมองข้างฝั่งซ้าย

ขณะที่พื้นที่ Leg Room ตอนหลังเพิ่มขึ้นมาถึง 45 มม. ยืนยันนั่งได้สบายพื้นวางขาเหลือเฟือ แต่ผู้เขียนที่มีส่วนสูง 174 ซม. นั้นนั่งที่เบาะตอนหลังพบว่าพื้นที่ Head Room เหลือราวๆ 3 นิ้วเท่านั้น

สำหรับพื้นที่หลังมีความจุมากขึ้นสูงถึง 530 ลิตร

ระบบขับเคลื่อน เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร บล๊อกเดิม และ เครื่องยนต์ EarthDream 1.5 VTEC Turbo
ซึ่งเป็นเครื่องยนต์แบบ Direct Injection ท่อไอดีตรง พร้อมระบบเปิด-ปิดวาล์วคู่ Dual VTC สำหรับในส่วนของเทอร์โบ จะใช้ Waste Gate ไฟฟ้า
เครื่องยนต์ VTEC Turbo บล๊อกนี้ให้กำลังสูงถึง 173 แรงม้า@5,500rpm และแรงบิดมากถึง 220 Nm@5,500rpm

ซึ่งสมรรถนะแรงในระดับเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร แต่ผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro4 และมีอัตราสิ้นเปลืองที่ดีเยี่ยมกว่ารุ่น 2.0 ลิตร (อัตราสิ้นเปลืองตาม EPA เฉลี่ย 14.8 กม./ลิตร)

โดยจับคู่ระบบส่งกำลังผ่านเกียร์ CVT EarthDream ที่ทำงานร่วมกับ Torque Converter สามารถ Shift เกียร์ได้ผ่านแป้น Paddle Shift

ต่อจากนี้เราขอพูดถึงในส่วนของการทดสอบ ณ สนามช้างฯ เซอร์กิต ซึ่งสื่อทุกท่าน จะได้มีโอกาสขับเพียงสั้นๆ เพียง 2 รอบเท่านั้น นับตั้งแต่ออกจาก Pit Lane

แน่นอนว่าการขับขี่ในสนามระดับโลก เพื่อความปลอดภัยจะต้องสวมหมวกนิรภัยก่อนลงไปนั่งที่หลังเบาะ

ทันทีที่ผู้เขียนลงไปนั่งที่หลังเบาะ เรารู้สึกได้ถึงดีไซน์ของตัวรถที่ดูเตี้ยลง แต่มีทัศนะวิสัยที่มองเห็นได้ชัดเจนขึ้น ดูโปร่งจากกระจกบานหน้า รวมไปถึงท่านั่งที่ดูเตี้ยและให้ความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น รูปแบบที่นั่งเป็นแบบ Cockpit แยกฝั่งชัดเจน ขณะที่เบาะหนังดูโอบกระชับสรีระไซส์คนเอเชียได้กระชับพอตัว

ทันทีที่ออกจาก Pit Lane เรากดคันเร่งมิดตัวรถทะยานพุ่งไปข้างหน้า อย่างรวดเร็ว ซึ่งได้อานิสงค์จาก Flat Torque ที่มาไวตั้งแต่รอบเครื่องต่ำ และการตอบสนองของเกียร์ที่ทำได้รวดเร็ว พร้อมการบังคับเกียร์ด้วยตนเองผ่านแป้น Paddle Shift หลังพวงมาลัยที่สามารถควบคุมได้ทันที ไม่ว่าจะใช้ตำแหน่งเกียร์ D หรือ S

จริงอยู่ที่ตัวรถแรงขึ้น อัตราเร่งดีแบบรู้สึกได้ แต่ทว่า บุคลิกดิบๆ ที่พบในตัวถัง FD, FB (เจนเนอเรชั่น 8-9) นั้นหายไป เหลือเพราะสไตล์ของเกียร์ CVT นั่นเอง แต่การขับในตำแหน่งเกียร์ S ของเรานั้นก็ ยังช่วยให้ได้ฟีลลิ่งการขับขี่แบบสปอร์ตได้ดีไม่แพ้กัน

ในรอบที่ 2 นั้นหลังผ่านพ้นโค้ง 1 สนามช้างฯ ซัดทางตรงยาว 1 กม. จนสุดทางตรงก่อนต้องเบรก ผู้เขียนสามารถทำความเร็วได้แตะระดับ 180 กม./ชม. ซึ่งถือได้ว่าอัตราเร่งตั้งแต่ช่วงต้นจนถึงย่านความเร็วปลายนั้น ทำได้เป็นที่น่าพอใจทีเดียว หากเทียบกับ Compact 2 ลิตร คันอื่นๆ ซึ่งผู้เขียนรู้สึกว่า จะมีสมรรถนะที่เป็นรองคู่แข่งอย่าง Sylphy DIG เพียงเล็กน้อย (เนื่องจากตัวเลขของ DIG จะสูงกว่าทั้งแรงม้าและแรงบิด)

ขณะที่ช่วงล่าง ต้องบอกได้เลยว่า ถูกปรับปรุงให้มีบุคลิกการขับแบบผู้ใหญ่ มากขึ้น กล่าวง่ายๆ คือเซ็ท แบบรถหรู

ซับแรงดีเยี่ยม นุ่มในจังหวะขับปีน Apex อาการสั่นสะเทือนต่ำกว่ารุ่นเดิมอย่างชัดเจน

ขณะที่การยึดเกาะนั้น ทำได้ดีพอสมควร แต่ก็พบอาการ Understeer บ้างตามสไตล์รถขับเคลื่อนล้อหน้า FWD และน่าเสียดายที่ ล้อแคบไปนิด ร่วมกับการใช้ยางจาก Bridgestone Turanza ซึ่งเป็นซีรีย์ยางที่เน้น ด้านความนุ่มเงียบเป็นหลักมากกว่า

จากการสอบถามข้อมูลทางเทคนิคเพิ่มเติมพบว่า รุ่น RS ที่เราได้ทำการทดสอบนี้ จะมีการเซ็ท Spring Rate และ Damper ที่กระชับ และให้ความแข็ง เพื่อให้ฟีลลิ่งการขับขี่แบบสปอร์ตมากยิ่งขึ้นกว่ารุ่นปกติ

สำหรับฟีลลิ่งของ Handling พวงมาลัย ถือว่าปรับปรุงดีขึ้นในแบบฉบับรถหรู พวงมาลัยแบบ 2 pinions มีจุดหมุน 2 จุด  ได้ผ่อนแรงน้ำหนักเบาในช่วงความเร็วต่ำ ขณะที่น้ำหนักจะตึงมือขึ้นเมื่อความเร็วสูง แต่ก็ไม่หนักจนเกินไป  แม้พวงมาลัยจะไม่คมกริบ ตอบสนองฉับไวนัก ซึ่งการปรับเซ็ทพวงมาลัยว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ เน้นการควบคุมที่ง่าย พวงมาลัยมีระยะฟรีอยู่พอสมควร ทำให้การควบคุมวงเลี้ยวนั้นดูตอบสนองเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น  เหมาะสมกับบุคลิกแบบสไตล์รถหรู

ในส่วนของเบรกดิสก์ 4 ล้อ ระยะแป้นเบรกเซ็ตมาตอบสนองนุ่มนวล ต้องลงน้ำหนักแป้นลึกพอสมควร ไม่เบรกจิกเท้าเท่ารุ่นเก่าอย่าง FD,FB  แต่สมรรถนะของเบรกนั้นถือว่าทำได้ดีเกินคาดการณ์ เบรก Balance ของข้างดีทั้งในเรื่องของการถ่ายเทน้ำหนัก รวมถึงอาการแกว่งจากตัวรถขณะที่เบรกด้วยความเร็วสูง (180 กม./ชม.) ก็ถือว่าต่ำมากจนเป็นที่น่าพอใจ

นอกจากนี้ในช่วงสุดทางตรงที่เราได้เบรกหนักถึงประมาณ 75% จะพบว่า ระบบไฟ ESS จะติดขึ้นทำงานโดยทันที ซึ่งถือว่าให้ความปลอดภัยได้หากคุณเผลอซัด VTEC Turbo คันนี้มาเร็วบนท้องถนนและต้องเบรกลงน้ำหนักอย่างรวดเร็ว

สรุป ด้วยการปรับภาพลักษณ์ของ All New Civic ให้ดูเป็นรถ Compact Premuim ใกล้เคียงรถ D-Segment มากยิ่งขึ้น เราพบว่ามันมีคาแรคเตอร์ในแบบรถครอบครัวหรูตามไปด้วยเช่นกัน ขณะที่ความสปอร์ตในแบบตัวถัง FD, FB นั้นลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในแง่ของระบบส่งกำลังที่ปรับมาเป็นเกียร์ CVT, ช่วงล่างที่นุ่มนวลขึ้น, การเซ็ตแป้นเบรกระยะเบรกการตอบสนองที่นุ่มนวลมากยิ่งขึ้น

ดังนั้น หากคุณกำลังมองหารถหรู แรงด้วยเทคโนโลยีดีสักคัน แต่ไม่อยากได้ D-Segment แล้วล่ะก็ All New Honda Civic นี่ล่ะจะตอบโจทย์คุณ พร้อมยังมีเวอร์ชั่นแรง และสปอร์ต ให้คุณเลือกได้ในรุ่นท๊อปเครื่องยนต์ VTEC Turbo ตอบสนองความแรงในตัวคุณอีกด้วย

วิเคราะห์เบื้องต้น
All New Civic น่าจะมากับ 5 รุ่นย่อย
1.8 MT (เกียร์ธรรมดา)
1.8 AT 2 รุ่นย่อย
1.5 Turbo 2 รุ่นย่อย (RS รุ่นท๊อป ที่เราได้ทดสอบในวันนี้)
สำหรับราคาค่าตัวในเมืองไทยนั้นต้องมารอลุ้นกัน แต่ราคาที่สหรัฐฯ รุ่นท๊อปอยู่ที่ 9.39 แสนบาท ซึ่งเราวิเคราะห์ว่า ราคาน่าจะอยู่ในช่วง 8 แสน – 1.1 ล้านบาท

ขอขอบคุณ Honda Automobiles ประเทศไทย สำหรับทริปการทดสอบ All New Honda Civic Turbo ใหม่ ในครั้งนี้
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver

เปิดตัว Honda Civic ในงานอย่าง Geneva Motor Show

ถือเป็นการเปิดตัวภาพเรนเดอร์ครั้งแรกของรถสายพันธ์ใหม่อย่าง Honda Civic Hatchback (5 ประตู) ที่ให้เรานั้นได้ชมกันก่อนใคร ก่อนที่จะเปิดตัวในงานอย่าง Geneva Auto Show

เมื่อเรามองจากด้านท้ายของตัวรถนั้นเราจะมองเห็นภาพของกันหลังแบบสปอร์ตเต็มรูปแบบ, ท่อไอเสียแบบสปอร์ตคู่สองข้างของตัวรถ, การประกอบที่ยอดเยี่ยมสมบูรณ์และทั้งหมดนั้นรวมกันเป็นเจ้ารถรุ่นใหม่นี้

Honda นั้นจะทำการผลิตรถรุ่นใหม่นี้ในโรงงานที่สหราชอาณาจักรก่อนจะส่งออกไปขายยังตลาดทั่วโลกผ่านทางตัวแทนจำหน่ายของแบรนด์รวมไปถึงประเทศสหรัฐอเมริกาด้วย

รถต้นแบบอย่าง “Civic Hatch Prototype” นั้นจะใช้เครื่องยนต์เบนซินที่วิ่งได้ระยะทางทั้งสิ้น 435 ไมล์ (700 กม.) หากเติมน้ำมันเต็มถัง โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในงานอย่าง Tokyo Show ในเดือนตุลาคม

ต่อมาคือรถแบบ “Jazz Keenlight Concept” ที่จะเปิดตัวในงานใหญ่อย่าง Geneva Auto Show เช่นเดียวกัน ซึ่งสีแบบ “Keenlight” นั้นจะนำมาตั้งเป็นชื่อรุ่นย่อยด้วย

ปิดท้ายด้วยสเป็ครถแบบ Acura NSX (แบรนด์ลูกของทาง Honda) ที่มาพร้อมการขายในประเทศและทั่วโลก จะเปิดตัวในงานอย่าง Detroit Auto Show

All New Honda Civic ใหม่ เตรียมพร้อมเดินสายการผลิตแล้ว ก่อนเปิดตัวเดือนหน้า

Honda Automobiles (ประเทศไทย) ประกาศเริ่มเดินสายการผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์ และเครื่องยนต์สำเร็จรูปแล้ว ณ โรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่ ในสวนอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งเป็นโรงงานที่มีความทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุดแห่งหนึ่งของฮอนด้าในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย ตอกย้ำความพร้อมในการเริ่มเดินสายการผลิตรถยนต์รุ่นแรก ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 10 ณ โรงงานแห่งนี้ ซึ่งมีกำหนดการเผยโฉมสู่สาธารณชนในช่วงเดือนมีนาคมนี้

โดยสายการผลิตเครื่องยนต์ ได้เริ่มผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ประกอบด้วย เสื้อสูบ ฝาสูบ ก้านสูบ และเพลาข้อเหวี่ยง เพื่อใช้ประกอบในรถยนต์สำเร็จรูป ณ โรงงานแห่งนี้ โดยในช่วงแรกจะเริ่มเดินสายการผลิตเครื่องยนต์ที่จะติดตั้งใน รุ่นซีวิค ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ ขนาด 1.8 ลิตร และเครื่องยนต์ VTEC TURBO ใหม่ ขนาด 1.5 ลิตร อันทรงพลัง ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 173 แรงม้า นอกจากนี้ ในอนาคต บริษัทฯ ยังเตรียมผลิตเครื่องยนต์สำเร็จรูป เพื่อใช้ในการประกอบเป็นรถยนต์สำเร็จรูป (CBU) และสำหรับใช้เป็นชิ้นส่วนในการประกอบรถยนต์ หรือ CKD เพื่อส่งออกไปยังโรงงานฮอนด้าต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย

ทั้งนี้ สายการผลิตเครื่องยนต์นับเป็นสายการผลิตที่ 2 ที่เริ่มเปิดเดินสายการผลิต ณ โรงงานแห่งนี้ โดยก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้ประกาศเริ่มเดินสายการผลิตชิ้นส่วนขึ้นรูปพลาสติก (Polymer Injection หรือ PO) ไปแล้ว ในช่วงเดือนตุลาคม 2558 ที่ผ่านมา และได้เตรียมเดินสายการผลิตรถยนต์สำเร็จรูป (CBU) อย่างเต็มรูปแบบในช่วงเดือนมีนาคมนี้

นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “โรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่ ในจังหวัดปราจีนบุรี นับเป็นก้าวสำคัญของฮอนด้าในการขยายกำลังการผลิตรถยนต์ในประเทศไทย เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการส่งออกที่สำคัญในระดับโลก โรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้าทั้งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดปราจีนบุรีล้วนมีบทบาทสำคัญเพื่อรองรับความต้องการของตลาดในประเทศ และตลาดส่งออกรถยนต์ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ การเริ่มเดินสายการผลิต ณ โรงงานแห่งนี้ และการผลิตรถยนต์รุ่นแรก ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ จะเป็นประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ของการดำเนินธุรกิจของฮอนด้าในประเทศไทย”

โรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้าแห่งใหม่ ในจังหวัดปราจีนบุรีนี้ พร้อมแล้วในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยความรวดเร็ว ในราคาที่ย่อมเยา และมี CO2 ต่ำ ฮอนด้ายังคงมุ่งมั่นวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ที่มีคุณภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการค้นหาแนวทางใหม่ๆ เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตลอดไป

All New Honda Civic ใหม่ เตรียมเปิดตัว และราคาอย่างเป็นทางการ 11 มีค. นี้

หลังจากที่ 9carthai เราได้มีโอากาสทดสอบ All New Civic ใหม่ ในรุ่น RS เทอร์โบ ณ สนามช้างฯ เซอร์กิตไปเรียบร้อยแล้ว และได้อัพเดท แก่แฟนๆว่า จะเปิดตัวในช่วงต้นเดือน มีค. ที่จะถึงนี้ พร้อมราคานั้นล่าสุด ได้ฤกษ์แล้ว คือ วันศุกร์ที่ 11 มีค. 2016 นี้

หลังจากที่ 9carthai เราได้รับเกียรติเข้าร่วมทดสอบ All New Civic ใหม่ เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ก่อนเปิดตัว (สามารถรับชมรีวิวได้ที่นี่ http://www.9carthai.com/1st-drive-all-new-honda-civic-vtec-turbo-rs/) ก็พบว่ามันเป็นรถที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่ง Civic ใหม่ จะมีให้เลือก 2 เครื่องยนต์ คือ 1.8 E85 และ VTEC Turbo 1.5 ซึ่งเราได้ทดสอบกันไปนั้น ก็ได้รับกระแสตอบรับจากแฟนชาวไทยกันอย่างดีเยี่ยม

เอาเป็นว่ารถ All New Honda Civic ใหม่ นี้จะมีราคาเริ่มเท่าไร ไปจบที่เท่าไร และมีกี่รุ่นย่อย รายละเอียดทั้งหมดเป็นอย่างไร
แฟนๆ อย่าลืมติดตามกันได้ทาง 9carthai นะครับ

Civic Turbo 2017 แบบใหม่เปิดตัวราคา- เผยยอดขายเบอร์1ในปี 2016

ในที่สุดรถตัวเทพอย่าง MY2017 Honda Civic Sedan (โฉมซีดาน) และ Coupe (โฉมรถเก๋ง) นั้นล่าสุดทาง Honda ก็จะเปิดตัวในโชว์รูมของพวกเขาแล้วสำหรับการขาย โดยจะมาพร้อมกับระบบเกียร์อัตโนมัติและแบบเกียร์กระปุก

สำหรับในส่วนของโฉมแบบเกียร์กระปุกธรรมดา 6 สปีดนั้นพวกเขาจะเริ่มต้นใส่เครื่องยนต์ในขนาดความจุที่ 1.5 ลิตรแบบเทอร์โบชาร์จ ไปจนถึงชุดแต่งแบบ EX-T เต็มสูบ โดยราคานั้นจะเริ่มต้นที่ราคาขาย 18,740 ดอลล่าร์สหรัฐและราคา 19,150 ในแบบ Coupe ตามลำดับ

ในส่วนของเครื่องยนต์แบบ 1.5 ลิตรแบบ turbocharged (เทอร์โบชาร์จ) DOHC engine, ให้กำลังทั้งสิ้น 174 แรงม้าและแรงบิดสูงสุดทั้งสิ้น 164 ปอนด์/ฟุต (226 Nm.) ในแบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่ได้รับการปรับปรุงแล้ว

รถแบบ 2017 Honda Civic นั้นเป็นเจ้าตลาดเป็นรถเบอร์ 1 ในปีนี้ (ที่ขายอยู่) ปัจจุบันมียอดขายนำหน้าแบรนด์อื่นๆในรอบ 10 เดือนแรกของปีนี้ และถือเป็นรถอันดับ 1 ตลอดภายในช่วงระยะเวลา 6 ปีหลังสุด (ยกเว้นปี 2014 ที่แพ้รถแบบ Accord จากค่ายเดียวกัน)

จัดเต็ม! เผยโฉมไลน์การผลิตและจำหน่ายของ 2017 Honda Civic

ล่าสุดนั้นได้มีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่แบบ MY2017 Honda Civic Sedan และ Coupe ออกมาแล้วในวันนี้ก่อนที่จะมีการส่งมอบไปยังโชว์รูม (ตัวแทนจำหน่ายต่อไป) โดยมีทั้งรุ่นแบบเกียร์อัตโนมัติและรุ่นแบบเกียร์ธรรมดา

ในส่วนของระบบเกียร์แบบ 6 สปีดนั้นจะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตรแบบ turbocharged (เทอร์โบชาร์จ) พร้อมกับโฉมแบบ Civic Sedan และ Coupe ในแบบ EX-T t ในราคาเริ่มต้นที่ 18,740 ดอลล่าร์สหรัฐและ 19,150 ดอลล่าร์สหรัฐตามลำดับ

ส่วนรถแบบ “EX-T” นั้นจะมาพร้อมกับระบบเกียร์แบบกระปุก 6 สปีดแบบเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเทอร์โบชาร์จ (Turbocharged) ให้กำลังทั้งสิ้น 174 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 167 lb-ft (226 Nm). ในระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT

นอกจากนี้รถแบบ “turbocharged EX-T” โฉมตัวท็อปของปี 2017 MY นั้นจะมาพร้อมกับระบบภายใน เช่น เครื่องเสียงคุณภาพสูง (HD Radio) และระบบเชื่อมต่อดาวเทียม (XM Satellite Radio) เพื่อทำให้มันมีความน่าสนใจมันสมัยขึ้นด้วย

เศร้าใจ! หญิงวัย 50 ปีเสียชีวิตจากปัญหาถุงลมของ Takata

ถือเป็นข่าวเศร้าล่าสุดเลยก็ว่าได้ หลังจากมีการเปิดเผยถึงความสูญเสียของหญิงรายหนึ่งวัย 50 ปีจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ในบริเวณ Riverside County, California ที่เกิดปัญหาจากถุงลมนิรภัยของ Takata แบรนด์ดังจากประเทศญี่ปุ่นเจ้าเก่าจนทำให้เธอเสียชีวิตในรถแบบ 2001 Honda Civic

ทางรัฐบาลสหรัฐนั้นยืนยันอุบัติเหตุครั้งนี้นั้นเกิดขึ้นแน่นอนแล้ว ทำให้เธอเป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 11 แล้วจากปัญหาทางด้านความปลอดภัยในส่วนของถุงลมนิรภัยจากแบรนด์อย่าง Takata

โดยแบรนด์อย่าง Takata นั้นต้องเสียใจอย่างสุดซึ่งจากเหตุการณ์นี้จะและจะพยายามเป็นอย่างยิ่งในการค้นหาและแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆของพวกเขาในรถรุ่นต่างๆให้ดีที่สุดเพื่อกลับมาสร้างความพึงพอใจและความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ของพวกเขาอีกครั้งหนึ่งในตลาดโลก

ปัจจุบันนั้นมีการเรียกรถคืนในประเทศสหรัฐอเมริกาครั้งยิ่งใหญ่กว่า 69 ล้านคัน ก่อนจะส่งผลไปยังทั่วโลกทำให้มีรถกว่า 100 ล้านคันต้องถูกเรียกคืนเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว

Honda เปิดตัวรถรุ่นใหม่ “Civic 10th.” ในงาน SEMA Show

Honda แบรนด์รถชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่นนั้นล่าสุดได้ทำการเปิดตัวรถแบบใหม่ๆออกมาแล้วในงานใหญ่ทางด้านยานยนต์อย่าง 2016 SEMA Auto Show ที่เมืองอย่าง Las Vegas , ประเทศสหรัฐอเมริกา

โดยหนึ่งในไฮไลท์สำคัญนั้นได้แก่ รถแบบ “Civic compact” รถเก๋งซีดานรุ่นดังของพวกเขาที่ตอนนี้เปิดตัวออกมาเป็นรุ่นที่ 10 แล้ว (10th. Generation.) รุ่นใหม่ล่าสุดพร้อมกับรถแบบ “Honda Civic Type R” ตัวต้นแบบที่เปิดตัวออกมาเช่นเดียวกัน

ค่ายรถชื่อดังอย่าง Honda จากทางประเทศญี่ปุ่นนั้นยังคงเดินหน้าต่อเนื่องในการเปิดตัวรถรุ่นใหม่พร้อมกับอัพเกรดเครื่องยนต์เป็นขนาดความจุทั้งสิ้น 2.0 ลิตรแบบเทอร์โบดีเซล (Turbo Diesels) ให้กำลังสูงสุดทั้งสิ้นประมาณ 300 แรงม้าในภาพรวม

นอกจากนี้ยังมีรถแบบ “2017 Civic hatch” เพิ่มเข้ามาด้วยในรูปแบบ 5 ประตู ที่จะใช้ในการแข่งขันอย่าง 2016 Global Rallycross ที่เตรียมจะจัดขึ้นในวันที่ 3-4 ธันวาคมของปี 2016 นี้ในสนามอย่าง Thunderhill

นอกจากนี้ทางทีมงานของ Honda จะเปิดตัวรถแบบ “SEGA Sonic Civic” เพิ่มเติม โดยมาพร้อมกับล้อแม็กซ์และอุปกรณ์แต่งทั้งหมดสุดพิเศษตามวีดีโอเกมซีรีย์ชื่อดังอย่าง “Sonic the Hedgehog” พร้อมสีภายนอกแบบ Katzkin Blue (ฟ้าเข้ม) ซึ่งเป็นการฉลองครบรอบ 25 ปีของซีรีย์เกมชื่อดังอย่าง Sonic the Hedgehog

ต่อมาเป็นโฉมแต่งของค่ายรถชื่อดัง เช่น รถแบบ Honda Civic Coupe aLL STaR Performance และ Tjin Edition พร้อมสีเหลืองสดใสแบบ Axalta Sunrise, ล้อแม็กซ์อัลลอยด์จากแบรนด์แต่งชื่อดัง, การอัพเกรดเบรคและการใช้งานช่วงล่าง

ปิดท้ายด้วยรถแบบ Honda 2017 Ridgelines ในโฉมแบบพิเศษอย่าง “Black Edition และ MAD Industries Sport” รวมไปถึงโฉมพิเศษแบบ “Powersports MAD Edition” สุดสปอร์ตให้พละกำลังมากขึ้น และรถกระบะขนาดใหญ่แบบ “FourTrax Foreman Rubicon” ในรุ่นสุดท้ายเป็นการเพิ่มเติม

2017 Civic SB จับตัวแต่ง “Type R” สุดดุดัน

ในที่สุดรถต้นแบบของเจ้า “Honda Civic Type R” นั้นก็เปิดตัวแล้วในงานใหญ่อย่าง SEMA Auto Show โดยคาดการณ์ว่าจะมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “Civic Si Prototype” ซึ่งครั้งเป็นการเปิดตัวในอีกงานใหญ่ ได้แก่ LA Auto Show

ในงานใหญ่อย่าง LA Auto Show นั้นพวกเขาได้เปิดตัวรถแบบ Civic Si เพิ่มเติมเข้ามา โดยจะมีทั้งรถแบบ Coupe (รถเก๋ง) และ Sedan (โหลดต่ำ) ให้ได้ตัดสินใจกันทั้งในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศแคนาดา

รถสปอร์ตแบบ Civic Si นั้นจะใช้เครื่องยนต์แบบ VTEC engine ขนาดความจุ 1.5 ลิตรและทำกำลังทั้งสิ้น 220-230 แรงม้าพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติและเกียร์แบบกระปุก 6 สปีด

ภาพโดย : No5-No10 Zac Estrada

Honda ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นเปิดตัวรถคันที่ 100 ล้านแล้วในตลาดโลก

Honda ค่ายรถชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่นนั้นล่าสุดได้ผลิตรถยนต์ในคันที่ 100 ล้านของพวกเขาออกมาแล้วในวันนี้ โดยใช้เวลาการผลิตและสร้างชื่อเสียงมาอย่างยาวนานกว่า 53 ปีเลยทีเดียวนับตั้งแต่เจ้าของเก่าก่อตั้งแบรนด์ขึ้นมา

ย้อนไปเมื่อช่วงปี 1963 ทีมงานของ Honda ในสมัยนั้นได้เปิดตัวรถครั้งแรกแบบ S500 sports และรถบรรทุกขนาดเล็กอย่าง 360 mini-truck หลังจากนั้นจึงเปิดเป็นรถแบบ iconic S600 Roadster ในเมืองอย่าง Sayama City ของประเทศญี่ปุ่น

สำหรับรถที่ขายดีที่สุดของพวกเขานั้นได้แก่รถแบบ Honda Civic โดยทำการผลิตมาตั้งแต่ช่วงปี 1972 ที่ผ่านมา และผลิตไปมากกว่า 10 รุ่นแล้ว (Tenth Generation) โดยมาพร้อมกับการเปิดตัวรถแบบเวอร์ชั่นใหม่ๆทั้ง 34 ประเทศในการผลิตที่โรงงานทั้งหมด 34 แห่งด้วยกัน ในประเทศต่างๆ เช่น ตุรกี, ประเทศอินเดีย, ประเทศจีน, ไนจีเรียบและสหราชอาณาจักร

โดยล่าสุด Takahiro Hachigo, ประธานกรรมการบริหารและหัวหน้าทีมงานระดับสูงของ Honda ก็ได้ออกมากล่าวในการให้สัมภาษณ์ล่าสุดแล้วว่า “ก่อนอื่นเลยผมต้องขอขอบคุณลูกค้าทั่วโลกของทาง Honda ในที่สุดรถของทาง Honda ก็ได้ส่งมอบถึงลุกค้ากว่า 100 ล้านคันแล้ว” เขากล่าว